ชนิดของแผ่น (plate) ของ hotplate มีอะไรบ้าง?

1.แผ่นเซรามิก (Ceramic Plate)

   มีการนำความร้อนได้ดีในระดับหนึ่ง แต่ไม่เร็วเท่าแผ่นอลูมิเนียมหรือแผ่นเหล็กหล่อ อย่างไรก็ตาม จุดเด่นของแผ่นเซรามิกไม่ได้อยู่ที่ความเร็วในการนำความร้อน แต่ที่คุณสมบัติพิเศษอื่น ๆ เช่น การกระจายความร้อนได้สม่ำเสมอและทนทานต่อการกัดกร่อนจากสารเคมี

ข้อดี:

  1. ทนทานต่อสารเคมีและการกัดกร่อน เหมาะสำหรับการใช้งานในห้องปฏิบัติการที่มีการใช้สารเคมี เนื่องจากพื้นผิวเซรามิกสามารถทนต่อการกัดกร่อนได้ดี
  1. กระจายความร้อนสม่ำเสมอ ความร้อนจะถูกกระจายไปทั่วแผ่นได้อย่างสม่ำเสมอ ทำให้อุณหภูมิคงที่ในบริเวณที่ใช้
  1. รักษาความร้อนได้ดี เมื่อถึงอุณหภูมิที่ต้องการ แผ่นเซรามิกสามารถรักษาอุณหภูมิได้เป็นเวลานาน ช่วยประหยัดพลังงานในการใช้งาน
  1. ทำความสะอาดง่าย พื้นผิวเรียบมัน ทำให้การทำความสะอาดง่ายและป้องกันคราบสกปรกได้ดี

ข้อเสีย:

  1. นำความร้อนได้ช้ากว่าแผ่นอื่น ๆ แผ่นเซรามิกใช้เวลานานในการนำความร้อนเมื่อเทียบกับแผ่นอลูมิเนียมหรือแผ่นเหล็กหล่อ
  1. แตกหักง่าย แผ่นเซรามิกมีโอกาสแตกหักหรือเสียหายได้ง่ายหากมีการกระแทกแรง ๆ
  1. ไม่เหมาะกับงานที่ต้องการความร้อนสูงและเร็ว สำหรับงานที่ต้องการความร้อนที่สูงในเวลาสั้น ๆ อาจไม่เหมาะเท่าไหร่ เนื่องจากเซรามิกมีอัตราการนำความร้อนที่ช้ากว่า

     ดังนั้น แผ่นเซรามิกจะเหมาะสำหรับงานที่ต้องการความแม่นยำและความทนทานต่อสารเคมีมากกว่า

2.แผ่นอลูมิเนียม (Aluminum Plate)

   เป็นหนึ่งในวัสดุยอดนิยมที่ใช้กับ hotplate เนื่องจากคุณสมบัติในการนำความร้อนได้ดี แต่มีข้อดีและข้อเสียดังนี้:

ข้อดี:

  1. นำความร้อนได้รวดเร็ว: อลูมิเนียมเป็นวัสดุนำความร้อนที่ดีมาก ทำให้ร้อนเร็วและเหมาะสำหรับการใช้งานที่ต้องการความร้อนเร็ว
  2. น้ำหนักเบา: อลูมิเนียมเป็นโลหะที่มีน้ำหนักเบา ทำให้ hotplate มีน้ำหนักเบาและเคลื่อนย้ายได้ง่าย
  3. ราคาถูก: ผ่นอลูมิเนียมมีราคาที่คุ้มค่าเมื่อเทียบกับวัสดุอื่นๆ อย่างเช่นเหล็กหรือเซรามิก
  4. กระจายความร้อนได้ดีในบางงาน: อลูมิเนียมสามารถกระจายความร้อนได้ดีในพื้นที่เล็ก ๆ เหมาะสำหรับการทำความร้อนในระยะเวลาสั้นๆ

ข้อเสีย:

  1. กระจายความร้อนไม่สม่ำเสมอ: อลูมิเนียมกระจายความร้อนได้ไม่เท่ากันเท่ากับวัสดุอย่างเหล็กหล่อหรือเซรามิก อาจทำให้บางส่วนของแผ่นร้อนกว่าจุดอื่น
  2. สูญเสียความร้อนเร็ว: อลูมิเนียมเย็นตัวลงอย่างรวดเร็วเมื่อปิดความร้อน ทำให้การรักษาอุณหภูมิไม่ดีเท่ากับวัสดุที่หนากว่า เช่น เหล็กหล่อ
  3. ทนต่อสารเคมีน้อยกว่าเซรามิก: แผ่นอลูมิเนียมอาจถูกกัดกร่อนได้ง่ายกว่าเมื่อสัมผัสกับสารเคมีบางชนิด หากใช้ในงานที่เกี่ยวข้องกับสารเคมีควรระมัดระวัง

   

แผ่นอลูมิเนียมเหมาะกับงานที่ต้องการความร้อนเร็วและราคาประหยัด แต่ถ้าต้องการความทนทานหรือการกระจายความร้อนที่สม่ำเสมอ อาจต้องพิจารณาใช้วัสดุอื่น.

3.แผ่นเหล็กหล่อ (Cast Iron Plate)

- การนำความร้อน: แผ่นเหล็กหล่อนำความร้อนได้ดี แต่ไม่เร็วเท่ากับแผ่นอลูมิเนียมหรือเซรามิก เมื่อแผ่นเหล็กร้อนแล้ว จะรักษาความร้อนได้ดีมาก
- การกระจายความร้อน: กระจายความร้อนอย่างสม่ำเสมอทั่วทั้งแผ่น ซึ่งเหมาะสำหรับงานที่ต้องการความเสถียรของอุณหภูมิ
- มักใช้ในงานที่ต้องการความทนทานและการกระจายความร้อนสม่ำเสมอ

ข้อดี:

  1. ความทนทาน: แผ่นเหล็กหล่อมีความทนทานสูง ทนต่อการใช้งานหนักและอายุการใช้งานยาวนาน
  2. การรักษาความร้อน: สามารถเก็บความร้อนได้นาน ทำให้ลดการสิ้นเปลืองพลังงานในการรักษาอุณหภูมิที่คงที่
  3. กระจายความร้อนสม่ำเสมอ: ทำให้สามารถควบคุมอุณหภูมิได้อย่างแม่นยำสำหรับงานที่ต้องการความเสถียรของความร้อน

ข้อเสีย:

  1. ความเร็วในการทำความร้อน: ร้อนช้ากว่าแผ่นอลูมิเนียมหรือเซรามิก เนื่องจากมีน้ำหนักมากและต้องการเวลาในการร้อน
  2. น้ำหนักมาก: ทำให้เครื่อง hotplate ที่ใช้แผ่นเหล็กหล่อหนักและเคลื่อนย้ายลำบาก
  3. การทำความสะอาด: อาจทำความสะอาดได้ยากกว่าแผ่นชนิดอื่น เนื่องจากพื้นผิวอาจดูดซับคราบหรือมีการเกิดสนิมหากไม่ได้รับการดูแลอย่างเหมาะสม

      โดยรวมแล้ว แผ่นเหล็กหล่อเหมาะสำหรับงานที่ต้องการความทนทานและการกระจายความร้อนที่สม่ำเสมอ แต่ไม่เหมาะกับงานที่ต้องการความเร็วในการทำความร้อน

4.แผ่นกราไฟท์ (Graphite)

ข้อดี:

  1. การนำความร้อนสูง: กราไฟท์มีคุณสมบัติในการนำความร้อนได้ดีมาก ทำให้การกระจายความร้อนใน hotplate มีความสม่ำเสมอ
  2. ทนความร้อนสูง: กราไฟท์สามารถทนต่ออุณหภูมิที่สูงมากได้โดยไม่เสียรูปหรือเสียคุณสมบัติ ทำให้เหมาะสมสำหรับการใช้งานในอุณหภูมิสูง
  3. ทนทานต่อสารเคมี: กราไฟท์ทนต่อสารเคมีหลายชนิด เช่น กรดและด่าง ทำให้สามารถใช้งานในสภาพแวดล้อมที่มีสารเคมีได้
  4. น้ำหนักเบา: เมื่อเทียบกับโลหะอย่างเหล็กหรือเหล็กหล่อ กราไฟท์มีน้ำหนักเบากว่ามาก ทำให้สะดวกต่อการจัดการและติดตั้ง
  5. การขยายตัวเมื่อได้รับความร้อนต่ำ: กราไฟท์มีอัตราการขยายตัวต่ำเมื่อได้รับความร้อน ทำให้มั่นคงต่อการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิอย่างรวดเร็ว
  6. นำไฟฟ้าได้ดี: ในบางกรณี คุณสมบัตินี้อาจมีประโยชน์ ขึ้นอยู่กับการออกแบบและการใช้งาน

ข้อเสีย:

  1. เปราะง่าย: กราไฟท์เป็นวัสดุที่ค่อนข้างเปราะ แม้จะแข็งแรงในบางเงื่อนไข แต่มักจะแตกหรือหักได้หากมีแรงกระแทกหรือแรงกดที่ไม่เหมาะสม
  2. มีความพรุน: แผ่นกราไฟท์สามารถดูดซึมของเหลวหรือแก๊สบางชนิดได้ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพในบางสภาพแวดล้อม
  3. เกิดการออกซิเดชัน: กราไฟท์สามารถเกิดการออกซิเดชันเมื่อเจออุณหภูมิสูงในสภาวะที่มีออกซิเจน ซึ่งอาจทำให้อายุการใช้งานลดลงหากไม่มีการป้องกันที่เหมาะสม
  4. ราคาแพง: กราไฟท์คุณภาพสูงมักมีราคาสูง ซึ่งอาจเพิ่มต้นทุนในการใช้งานในอุปกรณ์ hotplate
  5. การสึกหรอของพื้นผิว: พื้นผิวของแผ่นกราไฟท์อาจสึกหรอได้เมื่อใช้งานต่อเนื่อง โดยเฉพาะเมื่อสัมผัสกับวัสดุที่มีการเสียดสี